วิธีปลูกผมถาวร

วิธีปลูกผมมีกี่แบบ เทคนิค FUE กับ DHI ต่างกันยังไง ใครควรทำ


02/06/2025
02/Jun/2025 12:00 PM

หากคุณกำลังรู้สึกไม่มั่นใจเพราะผมบางกลางศีรษะ หรือมีปัญหาแนวผมถอยร่น การปลูกผมถาวรอาจเป็นหนึ่งในทางเลือกที่น่าสนใจ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ “วิธีปลูกผม” อย่างละเอียด ตั้งแต่การเตรียมตัวก่อนทำ เทคนิคที่ใช้ในการปลูกผม จนถึงขั้นตอนการดูแลหลังทำ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมและมั่นใจยิ่งขึ้น

ผู้เขียน

พญ.วัชราภรณ์ สุวรรณหงษ์

  1. ประสบการณ์ทำงานประจำแผนกฉุกเฉินมากกว่า 10 ปี
  2. ประสบการณ์ทำงานปลูกผมมากกว่า 5 ปี
  3. แพทย์เวชศาสตร์ป้องกันแขนงสาธารณสุขและแขนงวิถีชีวิตจากสมาคมวิทยาศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย
  4. แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวจากราชวิทยาลัยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว
  5. ผ่านการฝึกอบรมจากสมาคมผม The international Society of hair Restoration Surger (ISHRS), International S.I.Tri. Congress at Italy


สารบัญ

  1. ปลูกผมถาวรคืออะไร
  2. 8 ขั้นตอนปลูกผมถาวรแบบละเอียด ที่ Morgen Clinic ทำจริงทุกเคส
  3. วิธีปลูกผมมีกี่แบบ? และวิธีไหนเหมาะกับคุณ?
  4. ปลูกผมต้องเตรียมตัวอย่างไร? 4 ข้อควรรู้ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
  5. การดูแลหลังปลูกผม สำคัญไม่แพ้ขั้นตอนการรักษา
  6. การปลูกผมมีความเสี่ยงหรือผลข้างเคียงหรือไม่?
  7. ข้อควรระวังและสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงหลังปลูกผม
  8. สรุป: วิธีปลูกผมที่ปลอดภัย ได้ผลจริง ต้องอยู่ในมือแพทย์เฉพาะทาง
  9. คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการปลูกผม (FAQ)


ปลูกผมถาวร คืออะไร



สาเหตุของการผมร่วง

สาเหตุของการผมร่วงมี 7 ข้อหลัก ๆ ประกอบไปด้วย

1. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน: ความไม่สมดุลของฮอร์โมน เช่น ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ หรือฮอร์โมนไทรอยด์ที่ผิดปกติ สามารถส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเส้นผมได้

2. ความเครียด: เมื่อเกิดความเครียด ฮอร์โมนแอนโดรเจนจะสูงขึ้น ทำให้ผมร่วงและอ่อนแอลง

3.การขาดธาตุเหล็ก: ธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบสำคัญในการสร้างเส้นผม การขาดธาตุเหล็กจึงสามารถทำให้ผมร่วงได้

4.ภาวะไทรอยด์: ทั้งภาวะไทรอยด์สูงและต่ำส่งผลกระทบต่อการเผาผลาญสารอาหารและทำให้การสร้างผมผิดปกติ

5.การขาดวิตามินบี 12: การขาดวิตามินนี้ส่งผลต่อการทำงานของเม็ดเลือดแดงและทำให้ผมร่วงผมบางได้

6.การรวบผมที่แน่นเกินไป: การมัดหรือถักเปียที่แน่นเป็นประจำอาจทำให้เส้นผมอ่อนแอและหลุดร่วง

7.อายุ: เมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงหลังหมดประจำเดือน ผมจะเริ่มบางลงตามธรรมชาติ


ชั้นตอนปลูกผมถาวร



8 ขั้นตอนปลูกผมถาวรแบบละเอียด ที่ Morgen Clinic ทำจริงทุกเคส

การปลูกผมเป็นหัตถการที่ต้องอาศัยความแม่นยำและความใส่ใจในทุกรายละเอียด ที่ Morgen Clinic ขั้นตอนทั้งหมดดูแลโดยแพทย์เฉพาะทางด้านเส้นผมและหนังศีรษะ มาดูกันว่าแต่ละขั้นตอนของการปลูกผมถาวรมีอะไรบ้าง


สระผม



1. สระผมก่อนทำหัตถการ

เพื่อเตรียมหนังศีรษะให้สะอาดก่อนเริ่มการปลูกผม ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ


ถ่ายภาพก่อนปลูกผม



2. ถ่ายภาพก่อนปลูกผม

บันทึกภาพศีรษะจากหลายมุม ทั้งบริเวณที่ผมบางและจุดที่ใช้เก็บเส้นผม เพื่อใช้วางแผนการรักษา ประเมินจำนวนกราฟ และเปรียบเทียบผลลัพธ์หลังการปลูก


วาดแนวไรผมใหม่



3.วาดแนวไรผมใหม่

แพทย์จะออกแบบแนวผมโดยพิจารณารูปหน้า สัดส่วน และความเหมาะสมรายบุคคล เพื่อให้แนวผมใหม่ดูกลมกลืนและเป็นธรรมชาติ


วัดพื้นที่บริเวณที่ต้องการปลูกผม



4. วัดพื้นที่บริเวณที่ต้องการปลูกผม

แพทย์จะวัดขนาดบริเวณที่ต้องการปลูก เพื่อคำนวณจำนวนกราฟที่เหมาะสม โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 35–45 กราฟต่อตารางเซนติเมตร


เลือกเส้นผมจากด้านหลังศีรษะ



5. เลือกเส้นผมจากด้านหลังศีรษะ (Donor Area)

ใช้เส้นผมจากด้านหลังศีรษะ ซึ่งมีลักษณะแข็งแรงและไม่ไวต่อฮอร์โมน DHT ที่เป็นสาเหตุหลักของผมบาง


เก็บและย้ายกราฟด้วยเทคนิคเฉพาะ



6. เก็บและย้ายกราฟด้วยเทคนิคเฉพาะ

เทคนิคที่ใช้มีทั้ง FUE คือการเจาะเก็บกราฟเป็นหน่วย และ DHI เก็บและปลูกในขั้นตอนเดียว โดยแพทย์จะเลือกตามความเหมาะสมของแต่ละราย


วิธีปลูกผมถาวร



7. ฝังกราฟผมลงในบริเวณที่ต้องการอย่างละเอียด

แพทย์จะทำการฝังกราฟผมโดยพิจารณามุม ทิศทาง ตามแนวผมธรรมชาติ เพื่อให้เส้นผมที่ปลูกใหม่ดูแนบเนียนและสอดคล้องกับแนวผมเดิม


morgenclinic



8. ตรวจเช็กความเรียบร้อยก่อนจบขั้นตอน

แพทย์จะตรวจสอบความเรียบร้อยของกราฟอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าอยู่ในตำแหน่งเหมาะสม และไม่มีความเสียหายจากขั้นตอนก่อนหน้า


วิธีปลูกผมมีกี่แบบ? มีข้อดี ข้อเสียอะไรบ้าง

ในตอนนี้วิธีปลูกผมที่ได้รับความนิยมมีอยู่หลัก ๆ 3 วิธี ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน ดังนี้


FUE

เทคนิค FUE เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในตอนนี้ แพทย์จะใช้เครื่องมือคล้ายหัวปากกาขนาด 0.6-1.0 มม. เจาะและคัดแยกกราฟผมทีละกอตรงท้ายทอย หลังจากนั้นจะทำกราฟผมที่ได้ไปปลูกในบริเวณที่ผมบาง
- ข้อดี : เมื่อผมยาวขึ้นจะแทบมองไม่เห็นแผลเล็ก ๆ ที่กระจายอยู่ทั่วท้ายทอย และฟื้นตัวได้เร็ว มีอาการเจ็บปวดน้อย
- ข้อจำกัด : อาจจะต้องโกนผมบางส่วน เพื่อให้แพทย์มองเห็นรากผมและเจาะได้ง่าย และใช้เวลานาน เพราะต้องมีความละเอียด


DHI

สำหรับเทคนิค DHI ถูกต่อยอดมาจาก FUE จุดเด่น คือ ใช้เครื่องมือพิเศษอย่าง Implanter Pen ซึ่งช่วยให้แพทย์สามารถนำกราฟผมที่สกัดออกมาไปปลูกได้ทันที โดยไม่ต้องเจาะรูนำร่องบนหนังศีรษะก่อน
- ข้อดี : Implanter Pen ช่วยให้แพทย์สามารถควบคุมทิศทาง ความลึก มุมของเส้นผมได้อย่างแม่นยำ ทำให้ผลลัพธ์ออกมาดีและมีความใกล้เคียงกับผมธรรมชาติ และไม่จำเป็นต้องโกนผม วิธีนี้จึงเหมาะสำหรับผู้หญิง หรือคนที่ไม่ต้องการให้ใครรู้ว่ากำลังปลูกผม
- ข้อจำกัด : ด้วยความที่เป็นเทคโนโลยีทันสมัยพอสมควร จึงมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าปกติ


FUT

FUT เทคนิคนี้เป็นแบบดั้งเดิม แพทย์จะทำการผ่าตัดเอาหนังศีรษะบริเวณท้ายทอยออกมาเป็นแถบยาว และนำไปแยกกราฟผมทีละกอ หลังจากนั้นจะนำไปปลูกในบริเวณที่ผมบาง
- ข้อดี : ปลูกผมได้จำนวนมากในครั้งเดียว กราฟผมมีความแข็งแรง และประหยัดเวลากว่าเมื่อเทียบกับเทคนิค FUE
- ข้อจำกัด : ด้วยความที่ต้องผ้าตัดหนังศีรษะบริเวณท้ายทอย ทำให้ทิ้งแผลเป็นไว้ จะยิ่งเห็นได้ชัดเมื่อตัดผมสั้น รวมถึงใช้เวลาพักฟื้นนาน ที่สำคัญที่สุดหลังจากใช้เทคนิคนี้ จะทำให้รู้สึกตึงท้ายทอยได้


ปลูกผมต้องเตรียมตัวอย่างไร? 4 ข้อควรรู้ก่อนเข้ารับการผ่าตัด

เพื่อให้การปลูกผมเป็นไปอย่างราบรื่นและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรเตรียมตัวตามคำแนะนำดังนี้
1. งดยาและอาหารเสริม : แนะนำให้งดยาแอสไพรินและยาในกลุ่มต้านการแข็งตัวของเลือด รวมถึงวิตามินหรืออาหารเสริมบางชนิด เช่น วิตามิน E, น้ำมันปลา หรือโสม อย่างน้อย 7-14 วันก่อนเริ่มผ่าตัด
2. งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ : ควรเลี่ยง 7-14 วันก่อนผ่าตัด เพราะทั้ง 2 สิ่งนี้ส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือด และการสมานแผล
3. พักผ่อนให้เพียงพอ : นอนหลับให้เต็มที่ก่อนวันผ่าตัด และควรสระผมให้สะอาดในตอนเช้าเพื่อลดโอกาสการติดเชื้อ
4. แจ้งโรคประจำตัวและยาที่ใช้ : แจ้งแพทย์ให้ทราบถึงโรคประจำตัวและยาที่ใช้อยู่เป็นประจำทั้งหมด เพื่อประเมินความเสี่ยงและวางแผนการรักษาได้อย่างปลอดภัย


การดูแลหลังปลูกผม สำคัญไม่แพ้ขั้นตอนการรักษา

การดูแลหลังการปลูกผมมีผลต่อการฟื้นตัวและความแข็งแรงของเส้นผมใหม่ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผลลัพธ์เป็นไปตามเป้าหมาย


การปลูกผมมีความเสี่ยงหรือผลข้างเคียงหรือไม่?

โดยทั่วไป การปลูกผมถือเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย หากทำในคลินิกที่มีมาตรฐานโดยทีมแพทย์ที่มีประสบการณ์ อาจพบผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น บวม แดง หรือคันบริเวณที่ปลูก ซึ่งมักหายไปภายในไม่กี่วัน


ข้อควรระวังและสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงหลังปลูกผม

หลังปลูกผม ควรดูแลตนเองอย่างใกล้ชิดในช่วง 1–2 สัปดาห์แรก เช่น ใส่ผ้าคลุมศีรษะใน 1–2 วันแรก, หลีกเลี่ยงการสัมผัส ขยี้ หรือเกาบริเวณที่ปลูก, สระผมอย่างเบามือตามคำแนะนำแพทย์, หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด, การออกกำลังกายหนัก, ว่ายน้ำ, ซาวน่า และงดสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อช่วยให้รากผมยึดติดได้ดีและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน

สรุป: วิธีปลูกผมที่ปลอดภัย ได้ผลจริง ต้องอยู่ในมือแพทย์เฉพาะทาง

การปลูกผมเป็นทางเลือกที่หลายคนใช้ในการแก้ปัญหาผมบางหรือศีรษะล้าน โดยเฉพาะเมื่อดำเนินการโดยแพทย์และทีมผู้เชี่ยวชาญในคลินิกที่ได้มาตรฐาน พร้อมการดูแลหลังการรักษาอย่างเหมาะสม จะช่วยให้เส้นผมใหม่มีโอกาสงอกขึ้นได้ดีและอยู่ได้นาน

หากคุณกำลังมองหาทางเลือกในการปลูกผมราคาดี Morgen Clinic พร้อมให้คำปรึกษาโดยแพทย์ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพเส้นผมและความต้องการเฉพาะบุคคล


คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการปลูกผม (FAQ)


โดยทั่วไป เส้นผมที่นำมาปลูกใหม่มักมาจากบริเวณท้ายทอย ซึ่งมีคุณสมบัติแข็งแรงตามพันธุกรรมและไม่ไวต่อฮอร์โมน DHT จึงมีแนวโน้มที่จะอยู่ได้นาน อย่างไรก็ตาม หลังการปลูกผม ผมใหม่จะร่วงชั่วคราวในช่วง 2-3 สัปดาห์แรก ก่อนจะเริ่มงอกใหม่ในช่วง 3-4 เดือน และจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนภายใน 9-12 เดือน

ขณะทำการปลูกผม แพทย์จะใช้ยาชาเฉพาะที่บริเวณศีรษะ ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บ แต่อาจมีความรู้สึกตึงหรือไม่สบายเล็กน้อย หลังจากปลูกผมเสร็จ อาจมีอาการปวดหรือบวมบริเวณที่เก็บกราฟและปลูกผม ซึ่งมักหายไปภายใน 2-3 วัน

Morgen Clinic ใช้เทคนิคการปลูกผมที่ได้รับความนิยมและทันสมัย ได้แก่ FUE (Follicular Unit Extraction) และ DHI (Direct Hair Implantation) โดยแพทย์จะประเมินสภาพเส้นผม พื้นที่ที่ต้องการปลูก และความเหมาะสมของแต่ละคน ก่อนเลือกวิธีที่ตอบโจทย์มากที่สุด เพื่อให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ และช่วยให้พักฟื้นได้เร็ว

FUE (Follicular Unit Extraction) เจาะเซลล์รากผมออกก่อน แล้วนำมาปลูกภายหลัง ไม่ทิ้งรอยแผลขนาดใหญ่ พักฟื้นเร็ว

DHI (Direct Hair Implantation) ใช้อุปกรณ์พิเศษิย่าง Implanter Pen เก็บกราฟและปลูกผมในขั้นตอนเดียว สามารถควบคุมทิศทางการปลูกได้แม่นยำ ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น

แผลจากเทคนิค FUE และ DHI จะตกสะเก็ดและหายเป็นปกติภายใน 7-10 วัน และจะกลับเข้าสู่สภาพปกติอย่างสมบูรณ์ภายใน 2-3 สัปดาห์ ส่วนแผลจากเทคนิค FUT จะหายเป็นปกติใน 14 วัน และแผลจะสมานตัวสมบูรณ์ภายใน 1-2 เดือน

ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน เทคนิคอย่าง FUE และ DHI ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อลดการเกิดแผลเป็น ทำให้ผลลัพธ์หลังการปลูกผมดูใกล้เคียกับความเป็นธรรมชาติและทำให้ผู้ที่เข้ารับการปลูกผมสามารถมั่นใจได้มากขึ้น



บล็อคที่เพิ่งดูไป